Mind Tools

Mind Tools

การฝึกอบรมและการฝึกสอนทางวิชาชีพ

Chiang Mai, Chiang Mai ผู้ติดตาม 1,057 คน

Tools for your Mind with limitless potential.

เกี่ยวกับเรา

As the Thailand’s premier provider of both Neuro-Linguistic Programming and Hypnosis Training, we are shaping the future of Personal Enhancement. Mind Tools works national and international with clients to enable them to achieve excellent results as we provide Training, Coaching and Workshops and is the only active licensing body in Thailand for the Society of NLP. Everywhere people have the need to enhance themselves, a Gateway to Knowledge trainer is ready to guide them to the next level. From small tweaks and tunes in personal behaviour to category-defining business training and Personal Enhancement workshops. We teach, educate and learn you strategies designed for the challenges of tomorrow, smarter and sleeker than ever today. Our aim is to help you “Discover and Maximise your True Potential” and to inspire “You” by setting the goal for “Success, Nothing Less”. Working with us means making the necessary changes to achieve your desired outcomes and being fully in charge of your life. Our expert trainers are Niels Ammerlaan and Natthapatch Dabenchaphan, both licensed trainers by the Society of NLP. Trained and certified by the co-creator of NLP, Dr.Richard Bandler and creative genius behind Design Human Engineering™ and Neuro Hypnotic Repatterning™ you are assured of quality and success. They are amongst the leading professionals and captains of the training industry. Natthapatch and Niels have a proven track record of training and coaching experience for more than 20 years and are driven to help you get the most out of yourself. We offer our clients and participants the capability to deepen their skills through face to face and online training as well as intensive workshops and excellent trainings. Contact Us, to find out more about us. Schedule a free consultation with us today!

เว็บไซต์
https://www.mindtools.co.th
อุตสาหกรรม
การฝึกอบรมและการฝึกสอนทางวิชาชีพ
ขนาดของบริษัท
พนักงาน 11-50 คน
สำนักงานใหญ่
Chiang Mai, Chiang Mai
ประเภท
บริษัทมหาชน
ก่อตั้งเมื่อ
2017
ความชำนาญพิเศษ
NLP Training Hypnosis Coaching Workshops NLP Certification Corporate Training Personal Development Seminars NLP Practitioner และNLP Master Practitioner

ตำแหน่งที่ตั้ง

พนักงานที่ Mind Tools

อัพเดท

  • ดูหน้าเพจองค์กรสำหรับ Mind Tools, กราฟิก

    ผู้ติดตาม 1,057 คน

    🙏ในโอกาสปีใหม่นี้ บริษัท Mind Tools ขอขอบคุณจากใจสำหรับความไว้วางใจและการสนับสนุนที่มีต่อบริการของเรามาโดยตลอด ความเชื่อมั่นของท่านเปรียบเสมือนแรงผลักดันที่สำคัญให้เรามุ่งมั่นพัฒนาการอบรมที่ตอบโจทย์และสร้างคุณค่าให้กับทุกท่าน😊 🙏เราขอสัญญาว่าจะมุ่งมั่นส่งมอบการอบรมที่เปี่ยมด้วยคุณภาพ ความใส่ใจ และมาตรฐานที่สูงยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในความสำเร็จของท่าน😊 🙏ขอขอบคุณอีกครั้งสำหรับความไว้วางใจที่มีให้เราเสมอมา และหวังว่าจะได้ร่วมเดินทางสู่ความสำเร็จไปด้วยกันในอนาคตอย่างไม่มีที่สิ้นสุด😊 จากใจพวกเราผู้บริหารและทีมงาน❤️ #MindtoolsThailand

    • ไม่มีการเพิ่มข้อความอธิบายสำหรับรูปภาพนี้
    • ไม่มีการเพิ่มข้อความอธิบายสำหรับรูปภาพนี้
    • ไม่มีการเพิ่มข้อความอธิบายสำหรับรูปภาพนี้
    • ไม่มีการเพิ่มข้อความอธิบายสำหรับรูปภาพนี้
    • ไม่มีการเพิ่มข้อความอธิบายสำหรับรูปภาพนี้
      +2
  • ดูหน้าเพจองค์กรสำหรับ Mind Tools, กราฟิก

    ผู้ติดตาม 1,057 คน

    วันนี้มี 12 เคล็ดลับความสุข สร้างได้ด้วยตัวเราเองมาฝากกันค่ะ . 1. หัวเราะให้กับความห่วยของตัวเองได้ 2. ยักไหล่ให้กับความเห็นที่ไม่เข้าใจเรา 3. แยกแยะความห่วยของเรา ออกจากความห่วยในสายตาคนอื่นได้ 4. ที่แย่ก็แก้ไข ที่ไม่แย่ก็แค่ยักไหล่ผายมือ 5. สิ่งที่คนหนึ่งไม่ชอบอาจมีอีกหลายคนชอบ 6. สำคัญคือเราชอบสิ่งที่เราเป็นหรือไม่ 7. ถ้าไม่ชอบก็เปลี่ยนแปลง 8. ถ้าชอบแล้วก็ยักไหล่ 9. มีเพื่อนที่ยอมรับในสิ่งที่เราเป็น 10. มีเพื่อนที่พร้อมจะหัวเราะและยักไหล่ไปกับเรา 11. ไม่มีใครถูกใจใครได้ทั้งหมด 12. อย่าให้ความไม่ถูกใจของคนอื่นทำให้เราไม่ชอบตัวเอง Cr.Roundfinger

    • ไม่มีการเพิ่มข้อความอธิบายสำหรับรูปภาพนี้
  • ดูหน้าเพจองค์กรสำหรับ Mind Tools, กราฟิก

    ผู้ติดตาม 1,057 คน

    Mastering the Art of Communication with NLP คุณเคยรู้สึกไหมว่าคำพูดของคุณไม่สามารถสร้างความเข้าใจหรือความประทับใจได้อย่างที่ตั้งใจ? นี่คือโอกาสของคุณ! ร่วมเรียนรู้ NLP (Neuro-Linguistic Programming) เทคนิคที่ช่วยพัฒนาทักษะการสื่อสาร สร้างความสัมพันธ์ที่ดี และเพิ่มพลังการโน้มน้าวในแบบฉบับของคุณเอง ทั้งในชีวิตส่วนตัวและการทำงาน! ✨ สิ่งที่คุณจะได้จากหลักสูตรนี้ ✅ สร้างความเชื่อมั่นและความไว้วางใจทันทีที่เริ่มสนทนา ✅ เข้าใจภาษากายและสัญญาณที่ซ่อนอยู่ เพื่อ “อ่านใจ” คู่สนทนา ✅ ฟังเพื่อโน้มน้าวและสร้างแรงจูงใจ ✅ ใช้ภาษาที่สร้างความร่วมมือและแรงบันดาลใจ ✅ เทคนิคเพิ่มความมั่นใจในการพูดในที่ประชุมหรือสถานการณ์ที่กดดัน 💡 รายละเอียดหลักสูตร 📅 วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2025 ⏰ เวลา: 9:00 - 16:30 น. 📍 สถานที่: โรงแรม 5 ดาว ติดรถไฟฟ้า BTS 👩🏫 วิทยากร: ณัฐพัชร์ ด่านเบญจพรรณ – Licensed NLP Master Trainer by Dr.Richard Bandler & Society of NLP 🎯 หลักสูตรนี้เหมาะสำหรับใคร? - ผู้นำและผู้บริหาร: สร้างความสัมพันธ์ที่ดีและไว้วางใจกับทีม - นักเจรจาต่อรองและงานขาย: เพิ่มโอกาสปิดการขายและสร้างความร่วมมือ - บุคคลทั่วไป: เพิ่มความมั่นใจและทักษะการสร้างความสัมพันธ์ - ครู วิทยากร ที่ปรึกษา: พัฒนาการสื่อสารและเจาะลึกความคิดลูกค้า 📌 ลงทะเบียนเลย! ที่นั่งมีจำนวนจำกัด 🔗 https://lnkd.in/gc8ZRibm 📞 สอบถามเพิ่มเติม: โทร 099-163-3555 หรืออีเมล [email protected] 🌟 พัฒนาทักษะการสื่อสารของคุณให้ทรงพลัง และเปลี่ยนแปลงอนาคตของคุณ! 🌟

    • ไม่มีการเพิ่มข้อความอธิบายสำหรับรูปภาพนี้
    • ไม่มีการเพิ่มข้อความอธิบายสำหรับรูปภาพนี้
  • ดูหน้าเพจองค์กรสำหรับ Mind Tools, กราฟิก

    ผู้ติดตาม 1,057 คน

    ---เก็บภาพบรรยากาศมาฝากค่า วันที่ 4 ธันวาคม Mind tools ร่วมออกบูทในงาน Drive to 2025 : Thailand Logistics Trend ที่จัดขึ้นโดย Lemon Connext เตรียมตัวเตรียมพร้อมอย่างถูกต้องเพื่อการดำเนินธุรกิจอย่างมั่นใจและมีประสิทธิภาพ--- #MindTools

    • ไม่มีการเพิ่มข้อความอธิบายสำหรับรูปภาพนี้
    • ไม่มีการเพิ่มข้อความอธิบายสำหรับรูปภาพนี้
    • ไม่มีการเพิ่มข้อความอธิบายสำหรับรูปภาพนี้
    • ไม่มีการเพิ่มข้อความอธิบายสำหรับรูปภาพนี้
    • ไม่มีการเพิ่มข้อความอธิบายสำหรับรูปภาพนี้
      +10
  • ดูหน้าเพจองค์กรสำหรับ Mind Tools, กราฟิก

    ผู้ติดตาม 1,057 คน

    Why choose NLP with us? Practical Learning: Our NLP techniques are modern and easy to apply in daily life. International Network: Gain the opportunity to exchange knowledge and experiences with learners from different countries. Proven Results: Our courses have helped create positive transformations both personally and professionally. If you’re looking to grow and break through your limits, NLP could be the key for you too. Contact us to learn more and join the global network of NLP learners today! NLP Practitioner Certification Live session#29 @Bangkok Thailand 13 - 16 , 22 - 25 February 2025 Register NLP--> https://lnkd.in/dcuP3uQd 📞 CONTACT : 099-1633555 ( Jang / แจง ) 📱 LINE ID : @egtraining ✉ E-Mail : [email protected]

    • ไม่มีการเพิ่มข้อความอธิบายสำหรับรูปภาพนี้
    • ไม่มีการเพิ่มข้อความอธิบายสำหรับรูปภาพนี้
  • ดูหน้าเพจองค์กรสำหรับ Mind Tools, กราฟิก

    ผู้ติดตาม 1,057 คน

    [ 7 Steps For Goal Setting ] . 🎯 1. Someday Goal เป้าหมาย ‘สักวันหนึ่ง’ เป็นเป้าหมายที่ไกลที่สุดของคุณ มันเป็นเป้าหมายที่คุณมองหาเพื่อชีวิตบั้นปลาย หรือ เป้าหมายที่คุณจะทำเพื่อเป็นอิสระจากการทำงานแล้ว ระยะเวลาของเป้าหมายนี้ไม่มีกรอบตายตัวขึ้นอยู่กับความปรารถนาของคุณว่าอยากจะนิยามคำว่า ‘สักวันหนึ่ง’ อย่างไร โดยส่วนมากแล้วเป้าหมายของขั้นตอนนี้จะอยู่ในรูปแบบ ท่องเที่ยวทั่วโลก ใช้ชีวิตในต่างจังหวัด เป็นต้น โดยในบทความนี้ขอสมมติว่าเป้าหมายของผู้เขียนคือ “การเป็นนักเขียนหนังสือ” . . 🎯 2. 5 Years Goal เป้าหมาย ‘ภายใน 5 ปี’ อ้างอิงจากเป้าหมายสักวันหนึ่ง ของคุณว่าเป็นอย่างไร ในบทความนี้เราอยากเป็นนักเขียนหนังสือ ภายใน 5 ปีข้างหน้า เราสามารถทำอะไรเพื่อไปถึงเป้าหมายได้ เราอาจจะเริ่มเขียนหนังสือให้เป็นที่รู้จักกันในแวดวงนักเขียนหน้าใหม่ได้แล้ว หรือ สะสมผลงานสร้างโปรไฟล์ให้ผู้คนรู้จักมากยิ่งขึ้น . . 🎯 3. 1 Year Goal เป้าหมาย ‘ภายใน 1 ปี’ อ้างอิงจากเป้าหมายภายใน 5 ปี เป็นช่วงเวลาที่เราต้องทำผลงานเพื่อสร้างตัวตน สร้างโปรไฟล์ และฐานแฟนคลับ เป้าหมายภายในระยะเวลา 1 ปีนี้เราสามารถทำสิ่งใดได้บ้าง อาจจะสามารถเริ่มเขียนเรื่องราวที่ค่อยๆ ต่อยอดเป็นหนังสือแล้วได้ไหม เพื่อที่ภายใน 5 ปีข้างหน้าเราจะได้มีผลงานเป็นประจักษ์ . . 🎯 4. Monthly Goal เป้าหมาย ‘รายเดือน’ ก่อนที่คุณจะสามารถเริ่มเขียนเรื่องราวในเป้าหมาย 1 ปีได้นั้น คุณอาจจะต้องพัฒนา Plot ของหนังสือเสียก่อน คุณอาจจะตั้งเป้าหมายเป็นรายเดือนในการสร้างสรรค์ Plot ที่จะนำไปสู่งานเขียนของคุณ . . 🎯 5. Weekly Goal เป้าหมาย ‘รายสัปดาห์’ ก่อนที่คุณจะพัฒนา Plot ได้ คุณอาจจะต้องเรียนรู้วิธีการแต่งเรื่องราว เรียนรู้วิธีการเขียนหนังสือ ดังนั้นเป้าหมายในแต่ละสัปดาห์ของคุณในขั้นตอนนี้คือการเรียนรู้ . . 🎯 6. Daily Goal เป้าหมาย ‘รายวัน’ สำหรับเป้าหมายรายวันอาจจะเป็นขั้นตอนที่ไม่ยากมากสามารถทำได้ทุกวันอย่างการอ่านหนังสือ เพื่อศึกษาแนวทางการเขียนของนักเขียนอื่นๆ เพื่อการกำหนดตัวตนของเราว่าเป้าหมายที่อยากเป็นนักเขียนหนังสือ เราอยากเป็นนักเขียนแบบใด . . 🎯 7. Right Now ตอนนี้ ขั้นตอนสุดท้าย ตอนนี้คุณสามารถทำอะไรได้บ้างเพื่อจะนำพาตัวเองไปสู่เป้าหมาย ‘สักวันหนึ่ง’ ที่วาดฝันเอาไว้ . . Goal Setting เป็นอีกหนึ่งวิธีการที่น่าสนใจกับการตั้งเป้าหมายในชีวิต และแต่ละเป้าหมายต้องสอดคล้องกันเพื่อที่จะนำพาไปสู่เป้าหมายสูงสุดที่สักวันหนึ่งคุณอยากไปถึง .

    • ไม่มีการเพิ่มข้อความอธิบายสำหรับรูปภาพนี้
  • ดูหน้าเพจองค์กรสำหรับ Mind Tools, กราฟิก

    ผู้ติดตาม 1,057 คน

    ขึ้นชื่อว่า"ความสุข" ใครๆก็อยากให้เกิดกับตัวเองทุกวัน แต่บางนิสัยของเราเองนี่แหละค่ะ ที่ทำให้เราไม่มี"ความสุข" โดยไม่รู้ตัว . วันนี้เรามีบางนิสัยที่คสรละทิ้งมันไป เพื่อสร้างให้ช่วงเวลาในทุกวันของเรามี"ความสุข" มากขึ้นกันค่ะ . ⭐1. คิดมาก ใครๆ ก็คิดมากได้ แต่คิดมากเกินไปก็คงจะไม่ดี เพราะการคิดมากจะนำพาเราไปสู่วงจรของความเครียดและความวิตกกังวล ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้ จะทำให้หัวใจของเราเป็นทุกข์ในลำดับต่อมา . ดังนั้น เมื่อต้องเผชิญกับปัญหา ลองหายใจเข้าลึกๆ ค่อยๆ วิเคราะห์สถานการณ์แล้วแก้ไปทีละขั้นตอน และอย่าหมกมุ่นกับปัญหามากเกินไป . . ⭐️ 2. เปรียบเทียบตัวเองกับผู้อื่นเสมอ “Comparison is a form of violence against the self” เป็นหนึ่งในคำสอนของ Thich Nhat Hanh พระภิกษุนิกายเซนชื่อดังชาวเวียดนาม กล่าวคือ การเปรียบเทียบถือเป็นการก่อความรุนแรงต่อร่างกายรูปแบบหนึ่ง ทั้งนี้ การเปรียบเทียบยังเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดความทุกข์อีกด้วย . ⭐️ 3. ไล่ตามหาความสุขจากสิ่งของนอกกาย ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เราจะมีความอยากได้อยากมี อยากซื้อของได้ตามที่ใจหวัง อยากมีเงินในบัญชีแบบไม่จำกัด อยากประสบความสำเร็จในทุกๆ ด้าน อย่างไรก็ตาม การไล่ตามความต้องการของตัวเองไม่ใช่เรื่องที่ผิด หากแต่อาจทำให้เรายึดติดกับสิ่งเหล่านั้นจนไม่มีความสุขได้ . ⭐️ 4. ละเลยการดูแลสุขภาพ ‘ไม่กินข้าวเช้า ขี้เกียจออกกำลังกาย พักผ่อนไม่เพียงพอ’ หรือจะเป็นพฤติกรรมใดๆ ก็ตามที่ส่งผลกระทบไม่ดีต่อร่างกาย ซึ่งนอกจากจะส่งผลต่อสุขภาพกายแล้ว ยังส่งผลถึงสุขภาพใจ . ⭐️ 5. ใช้ชีวิตบนอีโก้ อีโก้ (Ego) เป็นส่วนหนึ่งของบุคลิกภาพของมนุษย์ หรือการเป็นตัวของตัวเอง หรือการเชื่อมั่นในตัวเอง โดยมีที่มาจากสภาพแวดล้อม สังคม ความเชื่อ ที่ก่อให้เกิด ‘ตัวตน’ ซึ่งแน่นอนว่าการมีความมั่นใจเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยม แต่บางครั้ง ความมั่นใจที่มากเกินไป และยึดมั่นว่าโลกหมุนรอบตัวเรา อาจทำให้เราปฏิเสธที่จะปรับตัวกับสิ่งต่างๆ จนก่อให้เกิดความทุกข์ก็เป็นได้ . ดังนั้น ‘การปล่อยวาง’ จะเป็นสิ่งที่ทำให้เรามีความสุขขึ้น นอกจากนี้ ยังช่วยเปิดโลกของเราให้กว้างขึ้นอีกด้วย . ⭐6. จมอยู่กับความโกรธ ความโกรธ เป็นอารมณ์ที่เกิดขึ้นได้ทั่วไป มีโกรธก็มีหายโกรธ แล้วแต่ว่าจะใช้เวลานานเท่าใด อย่างไรก็ตาม การยึดติดอยู่กับความโกรธเป็นเวลานานไม่เคยส่งผลดีให้กับเรา ทั้งมีแต่จะทำให้ทุกข์ใจ . ⭐️ 7. ไม่สนใจปัจจุบัน หลายๆ คนมักยึดติดกับอดีตและไขว่คว้าที่จะตามหาอนาคต โดยละเลยที่จะสนใจปัจจุบัน ซึ่งทำให้เป็นทุกข์จากความรู้สึกกังวลอย่างมาก โดยการมีสติอยู่กับปัจจุบันนั้น จะช่วยให้เราเห็นคุณค่าของช่วงเวลา และมีความสุขมากยิ่งขึ้น . . ⭐️ 8. ยึดติดกับความสมบูรณ์แบบ ‘ความสมบูรณ์แบบ’ เปรียบเสมือนดาบสองคมในชีวิต หนึ่งด้านช่วยให้การทำสิ่งต่างๆ ของเรามีประสิทธิภาพ แต่อีกด้านก็ทำให้เกิดความทุกข์เมื่อมีข้อผิดพลาดปรากฎขึ้น ไม่เพียงแต่ตัวของเรา แต่ยังส่งผลไปถึงคนรอบข้าง . ดังนั้น การยอมรับ หรือปล่อยวางกับความความไม่สมบูรณ์ ให้จะช่วยให้เราเห็นคุณค่าในตัวเองและผู้อื่นมากขึ้น . ท้ายที่สุด นิสัยทั้ง 8 ในบทความข้างต้น อาจเป็นนิสัยเล็กๆ ที่เราไม่ทันได้สังเกต และทำมันไปโดยไม่รู้ตัวก็ได้ แน่นอนว่าการปรับนิสัยอาจเป็นเรื่องยาก แต่ก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้ ค่อยๆ ปรับไปทีละนิด และอย่ากดดันตัวเองจนเกินไปนะ

    • ไม่มีการเพิ่มข้อความอธิบายสำหรับรูปภาพนี้
  • ดูหน้าเพจองค์กรสำหรับ Mind Tools, กราฟิก

    ผู้ติดตาม 1,057 คน

    อยากรีเฟรชสมอง? ลองใช้ ‘มะเขือเทศ’ ในการทำงานดูสิ! รู้จัก "Pomodoro" เทคนิคจัดการเวลาจากชาวอิตาลี🍅🇮🇹 Pomodoro Technique คือวิธีการบริหารจัดการเวลา ที่ถูกคิดค้นโดย Francesco Cirillo ชาวอิตาลี ในช่วงปลายศตวรรษ 1980 ซึ่งคำว่า ‘Pomodoro’ มาจากคำว่า ‘มะเขือเทศ’ ในภาษาอิตาลี มะเขือเทศนั้นมีรูปร่างคล้ายคลึงกับรูปทรงของนาฬิกาจับเวลาที่เขาใช้ทำอาหารในบ้านของเขาเอง ดังนั้นจึงทำให้เกิดเป็นชื่อของเทคนิคนี้ที่ใช้มาจนถึงปัจจุบัน . โดย Pomodoro Technique ถูกออกแบบมาจากหลักการทำงานของสมอง ที่เวลาจะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งนั้นสมองของเราจะมีสมาธิอยู่กับมันได้ไม่นาน และด้วยหลักการที่ว่า ถ้าได้พักสมองแล้ว เวลากลับมาทำงานต่อ จะทำให้สามารถทำงานได้ดียิ่งขึ้น . ซึ่งวิธีการใช้เทคนิค Pomodoro มีดังนี้ . 1. เริ่มด้วยการที่เลือกงานที่คุณต้องการทำให้เสร็จ เป็นการเลือกงานหรือสิ่งที่ต้องการที่ต้องทำให้เสร็จในวันนี้ . 2. ตั้งนาฬิกาจับเวลา 25 นาที ตั้งนาฬิกาจับเวลาให้ดังเตือนเรา เมื่อเวลาครบ 25 นาที โดยที่ถ้ามีสิ่งอื่นเข้ามาแรก พวกแจ้งเตือน Facebook Line IG หรืออื่นๆ ห้ามหลุดโฟกัสจากการทำงานเด็ดขาด . 3. ตั้งใจทำงานจนกว่าจะมีเสียงดังเตือน ทำงานอย่างจดจ่อ จนกว่านาฬิกาจับเวลาจะดังเตือน (แต่หากครบ 25 นาทีแล้ว งานของคุณกำลังอยู่ในจังหวะไปได้ดี สมองกำลังแล่น ก็สามารถทำต่อไปจนเสร็จแล้วค่อยพักได้) . 4. เมื่อมีเสียงนาฬิกาดังเตือน = จบ Pomodoro 1 ครั้ง หลังจากครบ 1 ครั้ง ปล่อยให้ตัวเองพักประมาณ 5 นาที ไปเข้าห้องน้ำ เล่นมือถือ หรืออื่นๆ เมื่อครบ 5 นาที จากนั้นกลับมาทำงานต่อ โดยจับเวลาเป็น 25 นาที ทำเหมือนเดิมอีก 3 ครั้ง . 5. เมื่อทำครบ 4 Pomodoro พักประมาณ 20 นาที เมื่อทำงานแบบต่อเนื่อง 25 นาที ครบ 4 ครั้งแล้ว ให้พักเบรกยาวได้ 15-30 นาที อยากทำอะไรในช่วงเวลาพักนี้ก็ ทำเลย เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับ Pomodoro รอบต่อไป! . 🍅 ผลลัพธ์ที่ได้จากการใช้ Pomodoro Technique? [ ข้อดีของการใช้เทคนิค ] - เมื่อได้พักบ่อยๆ ทำให้ลดอาการเหนื่อยล้าได้ รู้สึกมีแรงและพลังในการทำงานมากขึ้น - ทำให้สมองโฟกัสกับงานที่อยู่ตรงหน้ามากขึ้น - การแบ่งเวลาทำให้การทำงานไม่ถูกขัดจังหวะจากสิ่งรบกวนอื่นๆ ทั้งยังทำให้มีสมาธิมากขึ้น ส่งผลให้งานเสร็จเร็วขึ้น . [ ข้อเสียของการใช้เทคนิค ] - การจำกัดเวลาออาจทำให้บางคนรู้สึกกดดัน และเป็นกังวลต่อเวลาในการทำงานว่าหากพักแล้วงานที่ทำนั้นจะเสร็จหรือไม่ - เมื่อพักแล้วอาจจะทำให้ลืมสิ่งที่ได้ทำไว้ หรือสิ่งที่คิดว่ากำลังจะทำในงาน ส่งผลให้เกิดความไม่ต่อเนื่องในการทำงาน . อย่างไรก็ตามเทคนิคการหั่นเวลา 25 นาที แบบมะเขือเทศนี้ เป็นทางเลือกหนึ่งที่จะสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและพลังในการทำงานได้ ทั้งยังเป็นเทคนิคที่สามารถป้องกันตนเองให้ห่างไกลจากโรคออฟฟิศซินโดรมได้อีกด้วย ซึ่งการนั่งทำงานอยู่กับที่ตลอดอาจจะไม่ตอบโจทย์สำหรับทุกคนเสมอไป ดังนั้นควรหาเทคนิคที่เหมาะสมกับตนเอง เพื่อการทำงานที่ดีขึ้น #MindTools

  • ดูหน้าเพจองค์กรสำหรับ Mind Tools, กราฟิก

    ผู้ติดตาม 1,057 คน

    เปลี่ยน ‘Do’ เป็น ‘Done’ เทคนิคจดบันทึกความสำเร็จแต่ละวันเพื่อเป็นรางวัลชีวิต . หลายคนอาจคุ้นเคยกับการตื่นขึ้นมาพร้อมรายการสิ่งที่ต้องทำ หรือ ‘To - do list’ เพื่อย้ำเตือนว่า วันนี้ต้องทำอะไรบ้าง ทั้งสะสางงานเก่าที่ค้างคา หรืองานใหม่ที่เข้ามาและจำเป็นต้องเร่งทำให้เสร็จในแต่ละวัน . การทำ ‘To - do list’ มีประโยชน์หลักๆ คือ ช่วยจัดลำดับความสำคัญของสิ่งที่ต้องทำให้ลุล่วง วันไหนทำได้ตามเป้าครบทุกข้อ อาจจบวันด้วยความรู้สึกโล่งใจที่ทำได้สำเร็จ . อย่างไรก็ดี โอลิเวอร์ เบิร์กแมน (Oliver Burkeman) นักเขียนเจ้าของหนังสือขายดี ‘Four Thousand Weeks: Time Management for Mortals’ (ชีวิตเรามีแค่สี่พันสัปดาห์) ระบุว่า ปัญหาของ To - do list คือ มันทำให้เรารู้สึก ‘เป็นหนี้ความโพรดักทีฟ’ (productivity debt) ตั้งแต่เช้า . ถ้าแต่ละวันจบลงด้วยการทำตาม To - do list ได้ครบ เท่ากับว่าวันนั้นเรา ‘ใช้หนี้’ หมด หรือเท่าทุน แต่ถ้าทำได้ไม่ครบก็เท่ากับชีวิตติดลบ รู้สึกไม่ดี หรือจะเรียกว่า อยู่ในสถานการณ์ ‘ไม่เจ๊า - ก็เจ๊ง’ เท่านั้น . นั่นคือเหตุผลที่เบิร์กแมน แนะนำให้คนทั่วไปหันมาใช้ ‘Done list’ หรือการจดบันทึกสิ่งที่ทำสำเร็จเป็นข้อๆ แทนการทำ ‘To - do list’ เพื่อไม่ให้ตื่นมาพร้อมกับการเป็น ‘หนี้’ ที่ต้องตามชดใช้ทุกวัน . วิธีการทำ ‘Done list’ ไม่ต่างจาก ‘To - do list’ เพียงแต่ทำกลับด้านกัน คือ แทนที่จะจดสิ่งที่ต้องทำเป็นข้อๆ รอไว้แต่เช้า ให้เปลี่ยนมาเริ่มต้นวันใหม่ด้วยตารางที่ว่างเปล่า และค่อยๆ จดสิ่งที่ทำสำเร็จแล้วเป็นข้อๆ ลงไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ แล้วแต่สไตล์ของแต่ละคน . วิธีนี้นอกจากจะทำให้เราไม่รู้สึก ‘เป็นหนี้ความโพรดักทีฟ’ ตั้งแต่เช้า ยังทำให้เราจบวันแต่ละวันด้วย ‘กำไร’ จากความสำเร็จที่ทำได้ในแต่ละข้อ . [ จดทั้งความสำเร็จและเหตุผล ] . นอกจากนี้ การจด Done list ยังช่วยทำให้ผู้ปฏิบัติรู้สึกดียิ่งกว่าการทำตาม To - do list ครบ เพราะทุกครั้งที่จดบันทึกความสำเร็จลงไป เราจะภูมิใจและมีความสุขกับความสำเร็จนั้น . เบิร์กแมน บอกว่า การทำ Done list ช่วยให้เราตัดสินใจเลือกสิ่งที่ต้องการโฟกัสได้ดีขึ้น และทำให้ชีวิตก้าวหน้ามากขึ้น เพราะจะเปลืองเวลาและพลังงานน้อยลง จากการไม่ต้องไปกังวลว่าควรจดหรือไม่จดอะไรลงไปใน To - do list แต่ละวัน . นอกจากการจดบันทึกความสำเร็จที่ทำได้ลงใน Done list แล้ว ผู้เชี่ยวชาญยังแนะนำให้จด ‘เหตุผล’ ของการทำสิ่งนั้นลงไปในแต่ละหัวข้อด้วย เพื่อเป็นการทบทวนตัวเองว่า ‘ทำไม’ เราจึงทำสิ่งนั้น และสิ่งนั้นมีความสำคัญต่อตัวเราและคนรอบกายอย่างไร . นักวิจัยเปิดเผยว่า การบรรยายถึงเหตุผล หรือวัตถุประสงค์ ของการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งลงไป จะทำให้ผู้ปฏิบัติเข้าใจถึงคุณค่าในการทำสิ่งนั้น และจะใช้ความพยายามมากขึ้น จนมีโอกาสประสบความสำเร็จเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว . ดังนั้น การจดบันทึกความสำเร็จจึงควรมีทั้ง ‘what’ และ ‘why’ คือ สำเร็จเรื่อง ‘อะไร’ และ ‘ทำไม’ ถึงทำสิ่งนั้น ซึ่งนั่นอาจเปลี่ยนคำว่า Done list เป็น 'Why it was done list’ ในที่สุด . แต่ไม่ว่าจะเรียกว่าอะไร การจดสิ่งที่ทำได้ลุล่วงลงไปใน Done list ย่อมทำให้ผู้ปฏิบัติรู้สึกดีกว่าการทำตาม To - do list ยิ่งถ้าจด ‘เหตุผล’ ของการทำสิ่งนั้นควบคู่กันลงไป จะยิ่งชุบชูใจให้มีพลังทำเรื่องอื่นๆ ให้สำเร็จตามมามากยิ่งขึ้น . ท้ายที่สุดแล้ว เมื่อพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า เราจะจบวันแต่ละวันด้วยความรู้สึกดีๆ จากความสำเร็จนั้นๆ

    • ไม่มีการเพิ่มข้อความอธิบายสำหรับรูปภาพนี้

หน้าเพจที่คล้ายกัน