คุณสมบัติความต่อเนื่องและข้อกำหนดสำหรับอุปกรณ์ Apple

คุณสมบัติความต่อเนื่องช่วยให้การทำงานสลับไปมาระหว่าง Mac, iPhone, iPad, Apple Watch, Apple TV และ Apple Vision Pro ที่ตรงตามข้อกำหนดของระบบนั้นเป็นไปอย่างราบรื่นไม่มีสะดุด

AirDrop

ใช้ AirDrop เพื่อส่งเอกสาร รูปภาพ วิดีโอ เว็บไซต์ ตำแหน่งบนแผนที่ และอื่นๆ จากอุปกรณ์ Apple เครื่องหนึ่งไปยังอีกเครื่องหนึ่ง

ใช้ AirDrop บน iPhone หรือ iPad

ใช้ AirDrop บน Mac

ใช้ AirDrop บน Apple Vision Pro

AirPlay ไปที่ Mac

หลังจากที่คุณตั้งค่า Mac เป็นตัวรับสัญญาณ AirPlay แล้ว คุณสามารถสตรีมหรือสะท้อนภาพคอนเทนต์จาก iPhone, iPad หรือ Mac เครื่องอื่นไปยัง Mac ของคุณได้

  • macOS Ventura หรือใหม่กว่า: เลือกเมนู Apple  > การตั้งค่าระบบ จากนั้นคลิกทั่วไปในแถบด้านข้าง แล้วคลิก "AirDrop และ Handoff" ทางด้านขวา เปิด "ตัวรับสัญญาณ AirPlay"

  • macOS Monterey: เลือกเมนู Apple  > การตั้งค่าระบบ จากนั้นคลิกการแชร์ แล้วเลือก "ตัวรับสัญญาณ AirPlay" ในแถบด้านข้าง

คุณสมบัติ AirPlay ไปที่ Mac ใช้งานได้กับอุปกรณ์และระบบปฏิบัติการต่อไปนี้

iOS 14 หรือใหม่กว่า

iPadOS 14 หรือใหม่กว่า

macOS Monterey หรือใหม่กว่า

  • iPhone 7 หรือใหม่กว่า

  • iPad Pro (รุ่นที่ 2) หรือใหม่กว่า

  • iPad (รุ่นที่ 6) หรือใหม่กว่า

  • iPad Air (รุ่นที่ 3) หรือใหม่กว่า

  • iPad mini (รุ่นที่ 5) หรือใหม่กว่า

  • MacBook ที่เปิดตัวในปี 2018 หรือใหม่กว่า

  • MacBook Pro ที่เปิดตัวในปี 2018 หรือใหม่กว่า

  • MacBook Air ที่เปิดตัวในปี 2018 หรือใหม่กว่า

  • Mac mini ที่เปิดตัวในปี 2020 หรือใหม่กว่า

  • iMac ที่เปิดตัวในปี 2019 หรือใหม่กว่า

  • iMac Pro

  • Mac Pro ที่เปิดตัวในปี 2019 หรือใหม่กว่า

  • Mac Studio ที่เปิดตัวในปี 2022 หรือใหม่กว่า

คุณสามารถใช้คุณสมบัติ AirPlay ไปที่ Mac จาก iPhone, iPad หรือ Mac และระบบปฏิบัติการรุ่นเก่ากว่าที่มีความละเอียดของภาพต่ำลงได้ หากการตั้งค่าตัวรับสัญญาณ AirPlay เปิดอยู่และมีการตั้งค่า "อนุญาต AirPlay สำหรับ" เพื่ออนุญาตให้ทุกคนหรือทุกคนบนเครือข่ายเดียวกันใช้งาน AirPlay ได้

คุณยังสามารถใช้คุณสมบัติ AirPlay ไปที่ Mac เพื่อสะท้อนภาพจากบน Apple Vision Pro ไปยัง Mac ได้เช่นกัน

Apple Pay

ใช้ Apple Pay บน Mac เพื่อเลือกซื้อสินค้าออนไลน์ จากนั้นชำระเงินให้เสร็จเรียบร้อยโดยใช้ Apple Pay บน iPhone หรือ Apple Watch

ตั้งค่า Apple Pay

ซื้อสินค้าโดยใช้ Apple Pay

ปลดล็อคโดยอัตโนมัติ

ใช้คุณสมบัติปลดล็อคโดยอัตโนมัติด้วย Apple Watch ของคุณเพื่อเข้าใช้งาน Mac ได้ทันทีขณะที่คุณใส่ Apple Watch หรืออนุมัติคำขออื่นๆ ที่ต้องป้อนรหัสผ่านผู้ดูแลระบบของ Mac คุณสมบัตินี้ใช้งานได้กับอุปกรณ์และระบบปฏิบัติการต่อไปนี้

watchOS 3 หรือใหม่กว่า

macOS Sierra หรือใหม่กว่า

  • Apple Watch (ทุกรุ่น)

  • MacBook ที่เปิดตัวในปี 2015 หรือใหม่กว่า

  • MacBook Pro ที่เปิดตัวในปี 2013 หรือใหม่กว่า

  • MacBook Air ที่เปิดตัวในปี 2013 หรือใหม่กว่า

  • Mac mini ที่เปิดตัวในปี 2014 หรือใหม่กว่า

  • iMac ที่เปิดตัวในปี 2013 หรือใหม่กว่า

  • iMac Pro

  • Mac Pro ที่เปิดตัวในปี 2013 หรือใหม่กว่า

  • Mac Studio ที่เปิดตัวในปี 2022 หรือใหม่กว่า

หากต้องการใช้คุณสมบัติปลดล็อคโดยอัตโนมัติกับ Apple Watch Series 3 หรือใหม่กว่า Mac ของคุณต้องใช้ macOS High Sierra หรือใหม่กว่า

หากต้องการใช้คุณสมบัติปลดล็อคโดยอัตโนมัติเพื่ออนุมัติคำขอรหัสผ่านผู้ดูแลระบบ Mac ของคุณ Apple Watch ของคุณต้องใช้ watchOS 6 หรือใหม่กว่าและ Mac ของคุณต้องใช้ macOS Catalina หรือใหม่กว่า

หากคุณไม่แน่ใจว่า Mac ของคุณรองรับคุณสมบัติปลดล็อคโดยอัตโนมัติหรือไม่ ให้กดปุ่ม Option ค้างไว้แล้วเลือกเมนู Apple  > ข้อมูลระบบ เลือก Wi-Fi ในแถบด้านข้างของข้อมูลระบบ แล้วมองหา "ปลดล็อคโดยอัตโนมัติ: รองรับ" ที่ด้านขวา

ความต่อเนื่องของกล้อง: ใช้ iPhone เป็นเว็บแคมสำหรับ Mac

ใช้ iPhone เป็นเว็บแคมสำหรับ Mac คุณสมบัตินี้ใช้งานได้กับอุปกรณ์และระบบปฏิบัติการต่อไปนี้

iOS 16 หรือใหม่กว่า

macOS Ventura หรือใหม่กว่า

หากต้องการใช้เป็นเว็บแคม ให้ทำดังนี้

  • iPhone XR หรือใหม่กว่า (iPhone ทุกรุ่นที่เปิดตัวในปี 2018 หรือหลังจากนั้น)

หากต้องการใช้คุณสมบัติจัดให้อยู่ตรงกลางด้วย ให้ทำดังนี้

  • iPhone 11 หรือใหม่กว่า

หากต้องการใช้คุณสมบัติมุมมองด้านหน้าโต๊ะด้วย ให้ทำดังนี้

  • iPhone 11 หรือใหม่กว่า ยกเว้น iPhone SE รุ่นต่างๆ

หากต้องการใช้คุณสมบัติแสงไฟสตูดิโอด้วย ให้ทำดังนี้

  • iPhone 12 หรือใหม่กว่า

หากต้องการใช้คุณสมบัติการโต้ตอบด้วย ให้ทำดังนี้

  • iPhone 12 หรือใหม่กว่าที่ใช้ iOS 17 หรือใหม่กว่า

หากต้องการปรับเปลี่ยนการจัดเฟรมด้วยตนเอง ให้ทำดังนี้

  • iPhone XR หรือใหม่กว่า

หากต้องการใช้คุณสมบัติการเปลี่ยนพื้นหลังด้วย ให้ทำดังนี้

  • iPhone 12 หรือใหม่กว่าที่ใช้ iOS 18 หรือใหม่กว่า

หากต้องการใช้กับ iPhone เป็นเว็บแคม ให้ทำดังนี้

  • Mac ที่ใช้ macOS Ventura หรือใหม่กว่า

หากต้องการใช้คุณสมบัติการโต้ตอบหรือปรับเปลี่ยนการจัดเฟรมด้วยตนเอง ให้ทำดังนี้

  • Mac ที่ใช้ macOS Sonoma หรือใหม่กว่า

หากต้องการใช้คุณสมบัติการเปลี่ยนพื้นหลังด้วย ให้ทำดังนี้

  • Mac ที่ใช้ macOS Sequoia หรือใหม่กว่า

ความต่อเนื่องของกล้อง: ใช้ iPhone หรือ iPad เป็นเว็บแคมสำหรับ Apple TV

ใช้ iPhone หรือ iPad เป็นเว็บแคมสำหรับ Apple TV คุณสมบัตินี้ใช้งานได้กับอุปกรณ์และระบบปฏิบัติการต่อไปนี้

iOS 17 หรือใหม่กว่า

iPadOS 17 หรือใหม่กว่า

tvOS 17 หรือใหม่กว่า

หากต้องการใช้เป็นเว็บแคม ให้ทำดังนี้

  • iPhone XR หรือใหม่กว่า (iPhone ทุกรุ่นที่เปิดตัวในปี 2018 หรือหลังจากนั้น)

หากต้องการใช้คุณสมบัติจัดให้อยู่ตรงกลางด้วย ให้ทำดังนี้

  • iPhone 11 หรือใหม่กว่า

หากต้องการใช้คุณสมบัติการโต้ตอบด้วย ให้ทำดังนี้

  • iPhone 12 หรือใหม่กว่า

หากต้องการใช้เป็นเว็บแคม ให้ทำดังนี้

  • iPad Pro รุ่น 11 นิ้ว (ทุกรุ่น)

  • iPad Pro รุ่น 12.9 นิ้ว (รุ่นที่ 3) หรือใหม่กว่า

  • iPad (รุ่นที่ 8) หรือใหม่กว่า

  • iPad Air (รุ่นที่ 3) หรือใหม่กว่า

  • iPad mini (รุ่นที่ 5) หรือใหม่กว่า

หากต้องการใช้คุณสมบัติจัดให้อยู่ตรงกลางด้วย ให้ทำดังนี้

  • iPad Pro 11 นิ้ว (รุ่นที่ 3) หรือใหม่กว่า

  • iPad Pro 12.9 นิ้ว (รุ่นที่ 5) หรือใหม่กว่า

  • iPad Air (รุ่นที่ 5) หรือใหม่กว่า

  • iPad (รุ่นที่ 9) หรือใหม่กว่า

  • iPad mini (รุ่นที่ 6)

หากต้องการใช้คุณสมบัติการโต้ตอบด้วย ให้ทำดังนี้

  • iPad Pro 11 นิ้ว (รุ่นที่ 3) หรือใหม่กว่า

  • iPad Pro 12.9 นิ้ว (รุ่นที่ 5) หรือใหม่กว่า

  • iPad Air (รุ่นที่ 4) หรือใหม่กว่า

  • iPad (รุ่นที่ 10) หรือใหม่กว่า

  • iPad mini (รุ่นที่ 6)

Apple TV 4K (รุ่นที่ 2) หรือใหม่กว่า

ความต่อเนื่องของกล้อง: ใช้ iPhone หรือ iPad เพื่อถ่ายภาพหรือสแกนเอกสารบน Mac

ใช้ iPhone หรือ iPad เพื่อถ่ายภาพหรือสแกนเอกสาร คุณสมบัตินี้ใช้งานได้กับอุปกรณ์และระบบปฏิบัติการต่อไปนี้

iOS 12 หรือใหม่กว่า

iPadOS (ทั้งหมด)

macOS Mojave หรือใหม่กว่า

  • iPhone

  • iPod touch

  • iPad

  • MacBook ที่เปิดตัวในปี 2015 หรือใหม่กว่า

  • MacBook Pro ที่เปิดตัวในปี 2012 หรือใหม่กว่า

  • MacBook Air ที่เปิดตัวในปี 2012 หรือใหม่กว่า

  • Mac mini ที่เปิดตัวในปี 2012 หรือใหม่กว่า

  • iMac ที่เปิดตัวในปี 2012 หรือใหม่กว่า

  • iMac Pro

  • Mac Pro ที่เปิดตัวในปี 2013 หรือใหม่กว่า

  • Mac Studio ที่เปิดตัวในปี 2022 หรือใหม่กว่า

ความต่อเนื่องของภาพสเก็ตช์และความต่อเนื่องของการทำเครื่องหมาย

ใช้คุณสมบัติความต่อเนื่องของภาพสเก็ตช์และความต่อเนื่องของการทำเครื่องหมายด้วย iPhone หรือ iPad เพื่อเพิ่มภาพสเก็ตช์ รูปร่าง และการทำเครื่องหมายอื่นๆ ลงในเอกสาร Mac และดูการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นบน Mac ซึ่งทั้งสองคุณสมบัติใช้งานได้กับอุปกรณ์และระบบปฏิบัติการต่อไปนี้

iOS 13 หรือใหม่กว่า

iPadOS (ทั้งหมด)

macOS Catalina หรือใหม่กว่า

  • iPhone 6s หรือใหม่กว่า รวมถึง iPhone SE รุ่นต่างๆ

  • iPod touch (รุ่นที่ 7) หรือใหม่กว่า

  • iPad Pro (ทุกรุ่น)

  • iPad (รุ่นที่ 5) หรือใหม่กว่า

  • iPad Air 2 หรือใหม่กว่า

  • iPad mini 4 หรือใหม่กว่า

  • MacBook ที่เปิดตัวในปี 2015 หรือใหม่กว่า

  • MacBook Air ที่เปิดตัวในปี 2012 หรือใหม่กว่า

  • MacBook Pro ที่เปิดตัวในปี 2012 หรือใหม่กว่า

  • Mac mini ที่เปิดตัวในปี 2012 หรือใหม่กว่า

  • iMac ที่เปิดตัวในปี 2012 หรือใหม่กว่า

  • iMac Pro

  • Mac Pro ที่เปิดตัวในปี 2013 หรือใหม่กว่า

  • Mac Studio ที่เปิดตัวในปี 2022 หรือใหม่กว่า

Handoff

ใช้ Handoff เพื่อเริ่มต้นทำงานบนอุปกรณ์หนึ่ง แล้วเปลี่ยนไปใช้อุปกรณ์อีกเครื่องที่อยู่ใกล้ๆ เพื่อทำงานต่อจากที่ค้างไว้ คุณสมบัตินี้ใช้งานได้กับอุปกรณ์และระบบปฏิบัติการเหล่านี้

iOS 8 หรือใหม่กว่า

iPadOS (ทั้งหมด)

OS X Yosemite หรือใหม่กว่า

watchOS (ทั้งหมด)

  • iPhone 5 ขึ้นไป

  • iPod touch (รุ่นที่ 5) หรือใหม่กว่า

  • iPad Pro (ทุกรุ่น)

  • iPad (รุ่นที่ 4) หรือใหม่กว่า

  • iPad Air หรือใหม่กว่า

  • iPad mini หรือใหม่กว่า

  • MacBook ที่เปิดตัวในปี 2015 หรือใหม่กว่า

  • MacBook Pro ที่เปิดตัวในปี 2012 หรือใหม่กว่า

  • MacBook Air ที่เปิดตัวในปี 2012 หรือใหม่กว่า

  • Mac mini ที่เปิดตัวในปี 2012 หรือใหม่กว่า

  • iMac ที่เปิดตัวในปี 2012 หรือใหม่กว่า

  • iMac Pro

  • Mac Pro ที่เปิดตัวในปี 2013 หรือใหม่กว่า

  • Mac Studio ที่เปิดตัวในปี 2022 หรือใหม่กว่า

  • Apple Watch (ทุกรุ่น)

ในการโอนสาย FaceTime นั้น อุปกรณ์ของคุณต้องใช้ macOS Ventura, iOS 16 หรือ iPadOS 16 หรือใหม่กว่า

คุณยังสามารถโอนสาย FaceTime จาก Apple Vision Proได้ด้วย

Instant Hotspot

ใช้ Instant Hotspot เพื่อเชื่อมต่อกับฮอตสปอตส่วนบุคคลบน iPhone หรือ iPad (รุ่น Wi-Fi + Cellular) จาก Mac, iPad หรือ iPhone อีกเครื่องของคุณโดยไม่ต้องป้อนรหัสผ่าน คุณสมบัตินี้ต้องใช้กับอุปกรณ์และระบบปฏิบัติการอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้

ข้อกำหนดสำหรับอุปกรณ์ที่กระจายสัญญาณฮอตสปอตส่วนบุคคล

iOS 8.1 หรือใหม่กว่า

iPadOS (ทั้งหมด)

  • iPhone 5 ขึ้นไป

  • iPad Pro (ทุกรุ่น)

  • iPad (รุ่นที่ 4) หรือใหม่กว่า

  • iPad Air (ทุกรุ่น)

  • iPad mini (ทุกรุ่น)

อุปกรณ์ต้องมีแผนบริการของผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ที่เปิดใช้งานแล้วเพื่อกระจายสัญญาณฮอตสปอตส่วนบุคคล

ข้อกำหนดสำหรับอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับฮอตสปอตส่วนบุคคล

iOS 8 หรือใหม่กว่า

iPadOS (ทั้งหมด)

OS X Yosemite หรือใหม่กว่า

visionOS (ทั้งหมด) 

  • iPhone 5 ขึ้นไป

  • iPod touch (รุ่นที่ 5) หรือใหม่กว่า

  • iPad Pro (ทุกรุ่น)

  • iPad (รุ่นที่ 4) หรือใหม่กว่า

  • iPad Air (ทุกรุ่น)

  • iPad mini (ทุกรุ่น)

  • MacBook ที่เปิดตัวในปี 2015 หรือใหม่กว่า

  • MacBook Pro ที่เปิดตัวในปี 2012 หรือใหม่กว่า

  • MacBook Air ที่เปิดตัวในปี 2012 หรือใหม่กว่า

  • Mac mini ที่เปิดตัวในปี 2012 หรือใหม่กว่า

  • iMac ที่เปิดตัวในปี 2012 หรือใหม่กว่า

  • iMac Pro

  • Mac Pro ที่เปิดตัวในปี 2013 หรือใหม่กว่า

  • Mac Studio ที่เปิดตัวในปี 2022 หรือใหม่กว่า

  • Apple Vision Pro

การโทรผ่านเซลลูลาร์ของ iPhone

ใช้คุณสมบัติการโทรผ่านเซลลูลาร์ของ iPhone เพื่อโทรออกและรับสายจาก Mac หรือ iPad เมื่ออุปกรณ์ดังกล่าวอยู่บนเครือข่ายเดียวกันกับ iPhone ของคุณ คุณสมบัตินี้ต้องใช้กับ iPhone รุ่นใดก็ได้ที่ใช้ iOS 8.1 หรือใหม่กว่าและแผนบริการของผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ที่เปิดใช้งานแล้ว จากนั้นคุณสามารถส่งต่อสายโทรเข้าและออกของ iPhone เครื่องนั้นจากอุปกรณ์เหล่านี้ได้

  • Mac ที่ใช้ OS X Yosemite หรือใหม่กว่า (หากเป็น Mac mini และ Mac Pro จะต้องใช้ไมโครโฟนภายนอกหรือชุดหูฟัง)

  • iPhone, iPad หรือ iPod touch ที่ใช้ iOS 8 หรือใหม่กว่า

แอปสะท้อนหน้าจอ iPhone

ใช้แอปสะท้อนหน้าจอ iPhone เพื่อโต้ตอบกับ iPhone และแอป รวมถึงการแจ้งเตือนต่างๆ จาก Mac แบบไร้สายได้ โดย iPhone ของคุณจะถูกล็อคไว้เพื่อไม่ให้บุคคลอื่นเข้าถึงหรือใช้ iPhone เพื่อดูสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่

วิดเจ็ต iPhone บน Mac

ใช้วิดเจ็ตจาก iPhone บน Mac โดยไม่ต้องมีแอปเดียวกันนั้นติดตั้งอยู่บน Mac

  • Mac ที่ใช้ macOS Sonoma หรือใหม่กว่า

  • iPhone ที่ใช้ iOS 17 หรือใหม่กว่า

จอภาพเสมือนของ Mac

ใช้คุณสมบัติจอภาพเสมือนของ Mac เพื่อใช้ Apple Vision Pro เป็นจอภาพ 4K ส่วนตัวแบบพกพาสำหรับ Mac

  • Mac ที่ใช้ macOS Sonoma หรือใหม่กว่า

  • Apple Vision Pro

Mirror My View

ใช้ Mirror My View บน Apple Vision Pro เพื่อสะท้อนภาพที่คุณเห็นบน Apple Vision Pro ไปยัง iPhone, iPad, Mac, Apple TV หรือทีวีอัจฉริยะที่ใช้งาน AirPlay ได้

Sidecar

ใช้ Sidecar เพื่อใช้ iPad ของคุณเป็นจอภาพที่สองที่ขยายหรือสะท้อนเดสก์ท็อป Mac ของคุณ หรือเป็นอุปกรณ์อินพุตแบบแท็บเล็ตเพื่อวาดด้วย Apple Pencil ในแอป Mac คุณสมบัตินี้ใช้งานได้กับอุปกรณ์และระบบปฏิบัติการต่อไปนี้

iPadOS 13 หรือใหม่กว่า

macOS Catalina หรือใหม่กว่า

  • iPad Pro (ทุกรุ่น)

  • iPad (รุ่นที่ 6) หรือใหม่กว่า

  • iPad mini (รุ่นที่ 5) หรือใหม่กว่า

  • iPad Air (รุ่นที่ 3) หรือใหม่กว่า

  • MacBook Pro ที่เปิดตัวในปี 2016 หรือใหม่กว่า

  • MacBook ที่เปิดตัวในปี 2016 หรือใหม่กว่า

  • MacBook Air ที่เปิดตัวในปี 2018 หรือใหม่กว่า

  • iMac ที่เปิดตัวในปี 2017 หรือใหม่กว่า หรือ iMac (Retina 5K, 27 นิ้ว, ปลายปี 2015)

  • iMac Pro

  • Mac mini ที่เปิดตัวในปี 2018 หรือใหม่กว่า

  • Mac Pro ที่เปิดตัวในปี 2019

  • Mac Studio ที่เปิดตัวในปี 2022 หรือใหม่กว่า

การส่งต่อข้อความ

ใช้การส่งต่อข้อความเพื่อส่งและรับข้อความจาก iPhone บน Mac หรือ iPad คุณสมบัตินี้ต้องใช้กับแผนบริการของผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ที่เปิดใช้งานแล้วบน iPhone รุ่นใดก็ได้ที่ใช้ iOS 8.1 หรือใหม่กว่า จากนั้นคุณจะส่งและรับข้อความจากอุปกรณ์เหล่านี้ได้

  • Mac ที่ใช้ OS X Yosemite หรือใหม่กว่า

  • iPhone, iPad หรือ iPod touch ที่ใช้ iOS 8 หรือใหม่กว่า

  • Apple Vision Pro

คลิปบอร์ดกลาง

ใช้คลิปบอร์ดกลางเพื่อคัดลอกคอนเทนต์ต่างๆ เช่น ข้อความ รูปภาพ ภาพถ่าย และวิดีโอบนอุปกรณ์ Apple เครื่องหนึ่ง แล้ววางคอนเทนต์นั้นในอุปกรณ์ Apple อีกเครื่อง คุณสมบัตินี้ใช้งานได้กับอุปกรณ์และระบบปฏิบัติการต่อไปนี้เมื่อคัดลอกข้อความ รูปภาพ ภาพถ่าย และวิดีโอจากอุปกรณ์ Apple เครื่องหนึ่งไปยังอีกเครื่องหนึ่ง

iOS 10 หรือใหม่กว่า

macOS Sierra หรือใหม่กว่า

visionOS (ทั้งหมด)

  • iPhone 5 ขึ้นไป

  • iPad Pro (ทุกรุ่น)

  • iPad (รุ่นที่ 4) หรือใหม่กว่า

  • iPad Air (ทุกรุ่น)

  • iPad mini 2 หรือใหม่กว่า

  • iPod touch (รุ่นที่ 6) หรือใหม่กว่า

  • MacBook ที่เปิดตัวในปี 2015 หรือใหม่กว่า

  • MacBook Pro ที่เปิดตัวในปี 2012 หรือใหม่กว่า

  • MacBook Air ที่เปิดตัวในปี 2012 หรือใหม่กว่า

  • Mac mini ที่เปิดตัวในปี 2012 หรือใหม่กว่า

  • iMac ที่เปิดตัวในปี 2012 หรือใหม่กว่า

  • iMac Pro

  • Mac Pro ที่เปิดตัวในปี 2013 หรือใหม่กว่า

  • Mac Studio ที่เปิดตัวในปี 2022 หรือใหม่กว่า

  • Apple Vision Pro

หากต้องการใช้คลิปบอร์ดกลางเพื่อคัดลอกไฟล์ทั้งหมดจาก Mac เครื่องหนึ่งไปยังอีกเครื่องหนึ่ง Mac แต่ละเครื่องจะต้องใช้ macOS High Sierra หรือใหม่กว่า

การควบคุมจากอุปกรณ์กลาง

ใช้การควบคุมจากอุปกรณ์กลางเพื่อใช้คีย์บอร์ด เมาส์ หรือแทร็คแพดของ Mac ในการควบคุม Mac หรือ iPad สูงสุด 2 เครื่องที่อยู่ใกล้ๆ และทำงานสลับไปมาระหว่างอุปกรณ์ทั้งหมดได้อย่างราบรื่น คุณสมบัตินี้ใช้งานได้กับอุปกรณ์และระบบปฏิบัติการต่อไปนี้

iPadOS 15.4 หรือใหม่กว่า

macOS Monterey 12.3 หรือใหม่กว่า

  • iPad Pro (ทุกรุ่น)

  • iPad (รุ่นที่ 6) หรือใหม่กว่า

  • iPad Air (รุ่นที่ 3) หรือใหม่กว่า

  • iPad mini (รุ่นที่ 5) หรือใหม่กว่า

  • MacBook ที่เปิดตัวในปี 2016 หรือใหม่กว่า

  • MacBook Pro ที่เปิดตัวในปี 2016 หรือใหม่กว่า

  • MacBook Air ที่เปิดตัวในปี 2018 หรือใหม่กว่า

  • Mac mini ที่เปิดตัวในปี 2018 หรือใหม่กว่า

  • iMac ที่เปิดตัวในปี 2017 หรือใหม่กว่า รวมถึง iMac (Retina 5K, 27 นิ้ว, ปลายปี 2015)

  • iMac Pro

  • Mac Pro ที่เปิดตัวในปี 2019 หรือใหม่กว่า

  • Mac Studio ที่เปิดตัวในปี 2022 หรือใหม่กว่า

หากต้องการใช้คีย์บอร์ดและแทร็คแพดของคอมพิวเตอร์ Mac เพื่อทำงานบน Mac ภายใน Apple Vision Pro ให้ใช้คุณสมบัติจอภาพเสมือนของ Mac แทน

วันที่เผยแพร่: